Category Archives: อินเตอร์เน็ต

รู้ไหมให้อาหารเสริมก่อนวัยเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพลูกสุนัข

สำหรับเจ้าของลูกสุนัข เชื่อว่า ใคร ๆ ต่างก็อยากให้ลูกสุนัขของตัวเองมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง หลายคนจึงพยายามเลือกหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมาบำรุงลูกสุนัขตั้งแต่ยังเล็ก นอกเหนือจากอาหารมื้อหลัก เพราะหวังว่า จะช่วยให้ลูกสุนัขเจริญเติบโต มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองที่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว การมอบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ ให้กับลูกสุนัขเร็วเกินไปก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของลูกสุนัขมากกว่าการได้รับประโยชน์ค่ะ

โดยผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เจ้าของนิยมเลือกมาเสริมให้กับลูกสุนัขมากเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็คือ แคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญกับร่างกายของลูกสุนัข ใช้ในการเจริญเติบโต สร้างกระดูกและฟัน และยังทำหน้าที่ทางชีวเคมีระดับเซลล์ ช่วยในการทำงานของสารสื่อประสาท ปกติแล้วลูกสุนัขจะได้รับแคลเซียมจากอาหารที่กินเข้าไป ซึ่งลูกสุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีความต้องการแคลเซียมมากกว่าลูกสุนัขพันธุ์เล็ก รวมถึงในสุนัขแต่ละช่วงวัยยังมีความต้องการแคลเซียมไม่เท่ากัน

เจ้าของลูกสุนัขหลายคนจึงพยายามเสริมแคลเซียมให้กับลูกสุนัข โดยเฉพาะกับลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่และพันธุ์ยักษ์กันอย่างเต็มที่ แต่เมื่อลูกสุนัขได้รับแคลเซียมมากเกินไปและต่อเนื่องเป็นเวลานานก็มักจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกสุนัขคือ ลูกสุนัขจะมีการเจริญของกระดูกและข้อที่ผิดปกติ ทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า Developmental orthopedic disease (DOD) เช่น โรคข้อสะโพกเจริญผิดปกติ โรคข้อศอกเจริญผิดปกติ โรค Osteochondrosis โรค Hypertrophic osteodystrophy (HOD) ฯลฯ ซึ่งลูกสุนัขที่ป่วยเป็นโรคเหล่านี้จะเจ็บปวดข้อ ข้อบวมและอักเสบ เกิดปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อและการเคลื่อนไหว ทำให้การลุก ยืนหรือเดินผิดไปจากปกติ ซึ่งมักพบบ่อยในลูกสุนัขช่วงอายุ 4-10 เดือนค่ะ

ดังนั้น ในวัยลูกสุนัขจึงยังไม่มีความจำเป็นที่ผู้เลี้ยงจะหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ มาเสริมให้กับลูกสุนัข สำหรับการให้อาหารเสริมที่ถูกต้องกับสุนัขในช่วงวัยต่าง ๆ คือ จะให้เมื่อร่างกายของสุนัขต้องการหรือขาดแร่ธาตุ สารอาหารต่าง ๆ เท่านั้น ซึ่งในวัยลูกสุนัขสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือ การให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปสูตรสำหรับลูกสุนัขเพียงอย่างเดียว โดยผู้เลี้ยงควรเลือกอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีสารอาหารครบคุณค่า ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมอง และหมั่นพาลูกสุนัขออกกำลังกายเป็นประจำ เท่านี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายลูกสุนัขแล้วค่ะ

การเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรไทยในปัจจุบัน

10

เกษตรกรไทยยังไม่ให้ความสำคัญต่อพันธุ์สัตว์ ที่นำมาใช้เลี้ยงมากนักจึงมิได้ให้ความสำคัญต่อคุณภาพทางพันธุกรรมของสัตว์ ที่นำมาใช้เลี้ยงโดยเฉพาะในโคและกระบือ ปัจจุบันเกษตรกรไทยเริ่มให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้อหาสัตว์ ที่มีคุณภาพดีมาเลี้ยงมากขึ้น โดยเฉพาะในไก่ เป็ดและสุกร เกษตรกรจำนวนมากยังนิยมตอนโคและกระบือที่มีขนาดใหญ่ และรูปร่างดี เพื่อนำไปใช้งาน คงปล่อยให้โคและกระบือตัวผู้ขนาดเล็กไว้คุมฝูง จึงทำให้ลูกโคและกระบือที่คลอดออกมาระยะหลังๆ มีขนาดเล็กลง ดังนั้นเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ จึงควรที่จะได้เลือกหาซื้อสัตว์พันธุ์ดีมาเลี้ยง ไม่ใช่สัตว์อะไรก็ได้ และควรจะได้สงวนสัตว์ที่ดี มีรูปร่างใหญ่ ให้นมมาก ให้เนื้อมาก ให้ลูกดก ให้ลูกบ่อย มีความทนทานต่อโรค เก็บไว้เลี้ยงทำพันธุ์ โดยเฉพาะควรจะเปลี่ยนวิธีตอนสัตว์เสียใหม่ โดยให้ตอนตัวเล็กๆ ให้หมด และเก็บตัวใหญ่เอาไว้ทำพันธุ์

เกษตรกรจำนวนมากยังไม่ให้ความสนใจต่อการให้อาหารโคและกระบือ เท่ากับผู้เลี้ยงสุกร ไก่ และเป็ด โดยคิดเอาว่า โคและกระบือหาอาหารกินเองได้ ไม่จำเป็นต้องจัดหาอาหารให้ แม้แต่สุกร ไก่ และเป็ดเอง แม้รู้ว่า ต้องจัดหาอาหารให้ ก็ยังไม่รู้ว่า ระยะใดสัตว์ต้องการอาหารชนิดใด มากน้อยเท่าใด จึงจะเหมาะสมเกษตรกรที่ทำการเลี้ยงสัตว์ จึงจำเป็น ต้องศึกษาเรื่องการให้อาหารสัตว์ และจัดหาอาหารมาให้สัตว์กินให้ถูกต้องกับความต้องการ จึงจะทำให้สัตว์นั้นเจริญเติบโตได้ดี ให้นมมาก ให้ลูกทุกปี หรือให้ลูกดก และไม่เป็นโรคต่างๆ เนื่องจากการขาดอาหาร สัตว์โดยทั่วๆ ไปต้องการวิตามินสำหรับการเจริญเติบโต และการผสมพันธุ์ แม้ว่าสัตว์บางชนิด เช่น สัตว์เคี้ยวเอื้อง จะสามารถสังเคราะห์วิตามินบีเองได้

วิตามินที่สำคัญที่ควรให้แก่สัตว์เลี้ยง ก็คือ วิตามินเอ ดี บีต่างๆ เค อี และซี เกษตรกรจำเป็นต้องจัดหาวิตามิน ให้สัตว์กินตามความเหมาะสมตามชนิดของสัตว์ และความต้องการในระยะต่างๆ ของการเจริญเติบโต หรือการผสมพันธุ์ สัตว์เลี้ยงนอกจากต้องการอาหารแล้ว ก็ยังต้องการน้ำด้วย สัตว์จะตายในเวลาอันรวดเร็ว หากว่าขาดน้ำ แต่จะยังมีชีวิตอยู่ได้นาน ถ้าขาดอาหารน้ำนับว่ามีความสำคัญต่อระบบ การทำงานต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะระบบ หมุนเวียนของโลหิตและระบบขับถ่าย จึงควรที่เกษตรกรจะต้องดูแลให้สัตว์มีน้ำสะอาดกินตลอดเวลาตามปริมาณความต้องการของสัตว์นั้นๆ

การดูแลและการทำความสะอาดกระต่ายอย่างถูกต้อง

18

โดยปรกติแล้วกระต่ายเป็นสัตว์รักสะอาดจะมีการดูแลทำความสะอาดตัวเองอยู่ตลอดเวลา จะสังเกตได้ว่าหากกระต่ายที่มีสุขภาพดี จะมีการเลียทำความสะอาดขนตัวเองอยู่เสมอค่ะ ถ้าหากกระต่ายเริ่มสกปรกมอมแมมขี้ตากรังก็อาจจะเกิดการเจ็บป่วยได้ การดูแลการแปรงขนการแปรงขนถือเป็นการทำความสะอาดกระต่ายอย่างหนึ่ง กระต่ายที่ไม่ได้เลอะเทอะอะไรเราแค่แปรงขนบำรุงขนให้ก็เพียงพอแล้วค่ะการแปรงขนเป็นการแปรงเอาขนเสีย ขนที่พันกันออก โดยค่อยๆแปรงเบาๆ อย่าไปกระชากรุนแรงหากส่วนไหนหวีไม่ออกขนพันกันเป็นก้อนเกินจะเยียวยาให้เอากรรไกรเล็มตัดบริเวณที่ขนพันกันออกไปค่ะการหวีควรหวีจากด้านนอกให้ขนด้านนอกเรียบร้อยดี แล้วค่อยๆแหวกๆหวีขนชั้นในด้วยค่ะในกระต่ายขนสั้นการดูแลจะไม่ยุ่งยากเท่ากระต่ายขนยาว โดยจะเป็นการช่วยหวีขน แปรงขนเอาขนตายออก ฉีดสเปรย์บำรุงให้ขนเงางามในกระต่ายขนยาวเราต้องดูแลมากหน่อย สิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอคือการหวี แปรงขนเพื่อป้องกันไม่ให้ขนพันกัน การแปรงขนก็ควรแปรงทั้งขนชั้นนอกและชั้นใน หากเจอขนพันกันรุนแรงก็ต้องเอากรรไกรเล็มทิ้งไปค่ะ นอกจากนี้ก็ควรฉีดสเปรย์บำรุงขนด้วยค่ะ

การทำความสะอาดเฉพาะส่วนหลักจากการแปรงขนแล้ว หากยังเห็นว่ามีส่วนไหนที่เลอะเทอะมากๆ เช่น เท้า ก้น ท้อง เราก็สามารถทำความสะอาดเฉพาะส่วนได้โดยการใช้ผ้าขนหนูหรือฟองน้ำชุบน้ำค่อยๆเช็ดในบริเวณที่เลอะมากๆออกไป จะใช้น้ำเปล่าๆ ,น้ำผสมแชมพูเด็ก หรือแชมพูสำหรับสุนัข ก็ได้ค่ะเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ควรเช็ดขนให้แห้ง ป้องกันกระต่ายเป็นหวัดค่ะ แต่ถ้าสกปรกมากจริงๆเช็ดอย่างไรก็ไม่ออก ก็ใช้กรรไกรเล็มๆทิ้งไปเลยดีกว่าการอาบน้ำกระต่ายทำได้หรือไม่ทำได้ค่ะแต่ไม่จำเป็นค่ะ เราแนะนำว่าหากกระต่ายมีความเลอะเทอะมากจริงๆให้ลองทำความสะอาดในขั้นตอนอื่นๆที่ว่ามาหลายๆครั้งดูก่อน เขาก็จะสะอาดขึ้นเองค่ะ แต่ถ้าหากว่าเราอยากจะอาบน้ำให้จริงๆก็สามารถทำได้ค่ะอันดับแรกควรดูว่ากระต่ายของเราสุขภาพดี ไม่ขี้กลัวหรือเครียดง่ายนะคะเริ่มต้นโดยการค่อยๆเอาผ้าชุบน้ำลูบๆก่อนให้คุ้นเคย หรือค่อยๆเอามือควักน้ำลูบๆให้ขนเปียกๆแล้วเอาแชมพูลงบนขน ขยี้เบาๆในบริเวณที่สกปรกจากนั้นเอาผ้าชุบน้ำค่อยๆเช็ดฟองออกแล้วควักๆน้ำล้างฟองออกไปค่ะหลังจากล้างขนสะอาดเรียบร้อยดีให้เช็ดตัวให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ยอมเปลืองผ้าหน่อยนะคะถ้าต้องการจะไดร์ขนให้ก็อย่าให้เป็นลมร้อนมาก เดี๋ยวจะแย่ไปใหญ่เมื่อกระต่ายตัวแห้งดีให้แปรงขนและลงครีมหรือสเปรย์บำรุงขนก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ

 

วิธีเลือกที่รับฝากเลี้ยงสุนัข ให้ปลอดภัยกับเจ้าตูบ

ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาแห่งการท่องเที่ยวเชื่อว่า คนรักน้องหมาก็คงวางแผนที่จะพาน้องหมาออนทัวร์ไปพักผ่อนในวันหยุดยาวกันแล้ว แต่สำหรับหลายคนที่ติดปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่สามารถพาน้องหมาไปเที่ยวด้วยได้ เช่น มีแพลนที่จะไปเที่ยวต่างจังหวัดไกล ๆ สถานที่ท่องเที่ยวและที่พักบางแห่งมีข้อจำกัด ไม่อนุญาตให้นำสุนัขเข้า หรือมีแพลนจะไปต่างประเทศหลาย ๆ คนจึงต้องเลือกใช้บริการยอดฮิตสำหรับคนเลี้ยงน้องหมา นั่นก็คือ บริการรับฝากเลี้ยงสุนัขหรือโรงแรมสุนัข แต่ก็ยังคงกังวลกันอยู่ว่า ที่รับฝากเลี้ยงน้องหมาจะดูแลน้องหมาไม่ดี ไม่ปลอดภัย กังวลว่าน้องหมาจะอยู่ไม่สบาย และกลัวว่า เมื่อนำน้องหมาไปฝากเลี้ยงแล้ว น้องหมาจะติดโรคหรือเจ็บป่วยได้

วิธีการเลือกสถานที่รับฝากน้องหมา เช็คดูความเรียบร้อยของที่รับฝากเลี้ยงน้องหมา เพื่อเพื่อน ๆ จะได้มั่นใจและกล้าที่จะฝากน้องหมาเอาไว้แล้วไปเที่ยวอย่างสบายใจกันค่ะ ว่าแต่เราจะต้องตรวจเช็ค และสังเกตสถานที่รับฝากเลี้ยงยังไงบ้าง

วิธีเลือกสถานที่รับฝากเลี้ยงสุนัขและโรงแรมสุนัข
เมื่อเราทราบกฏระเบียบของที่รับฝากเลี้ยงสุนัขและตรวจสอบคุณสมบัติของน้องหมาว่าผ่านเกณฑ์ทุกข้อที่กล่าวมาในข้างต้นกันแล้ว ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการเลือกที่รับฝากเลี้ยงสุนัขที่ส่วนมากจะมีราคาค่าบริการต่อวันอยู่ที่ 250 – 800 บาท ขึ้นไปตามการบริการและความสะอาดของสถานที่ ซึ่งผู้เลี้ยงก็จำเป็นต้องพิถีพิถันในการเลือกกันสักหน่อย เพื่อความมั่นใจว่า ทางที่รับฝากเลี้ยงสุนัขและโรงแรมสุนัขจะดูแลน้องหมาของเราได้เป็นอย่างดี และเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาในภายหลัง โดยผู้เลี้ยงควรสังเกตและตรวจเช็คความเรียบร้อยของที่รับฝากเลี้ยงสุนัข ดังต่อไปนี้ค่ะ

ตรวจเช็คความสะอาด
เป็นสิ่งแรกที่ผู้เลี้ยงน้องหมาควรตรวจเช็ค ก่อนตัดสินใจนำน้องหมาไปใช้บริการที่รับฝากเลี้ยงสุนัขหรือโรงแรมสุนัขเลยค่ะ สำหรับการตรวจดูความสะอาดโดยรอบของที่รับฝากเลี้ยงสุนัข ผู้เลี้ยงควรสังเกตดูทั้งด้านนอกและด้านในตัวอาคาร โดยเน้นตรวจดูในส่วนที่พักของน้องหมา เช่น กรง ห้องนอน คอกกั้น ฯ ว่าได้รับการทำความสะอาดที่เพียงพอหรือไม่ มีเศษฝุ่น คราบสกปรกตามกำแพง ใต้กรง เบาะนอนหรือพื้นมีเศษส้นขนของสุนัขตัวก่อนหน้าร่วงติดให้เห็นหรือเปล่า เพราะการมีคราบสกปรก มีเศษเส้นขนของสุนัขร่วงอยู่นั้น จะสามารถแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของที่รับฝากเลี้ยงน้องหมาแห่งนั้นได้เป็นอย่างดีค่ะ

สถานที่โปร่ง มีพื้นที่กว้าง
นอกจากเรื่องความสะอาดที่ผู้เลี้ยงต้องตรวจดูอย่างพิถีพิถันเพื่อสุขอนามัยที่ดีของน้องหมาแล้ว ผู้เลี้ยงยังต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ของที่รับฝากเลี้ยงสุนัขหรือโรงแรมสุนัข ก่อนตัดสินใจนำน้องหมาไปฝากเลี้ยง ซึ่งการเลือกที่รับฝากเลี้ยงสุนัข ผู้เลี้ยงควรเลือกที่มีพื้นที่กว้างโล่ง โปร่งสบาย และดูไม่อึดอัด

จัดสรรกรงและมีคอกแยกชัดเจน
เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เลี้ยงไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ สำหรับเรื่องความเป็นอยู่ของน้องหมาที่ผู้เลี้ยงจะต้องปล่อยทิ้งไว้กับบริการรับฝากเลี้ยงสุนัขเป็นเวลาหลายวัน โดยผู้เลี้ยงควรต้องตรวจเช็คสภาพโซนที่พักของน้องหมาให้ดีว่า กรงที่จะใช้ขังน้องหมาเป็นแบบไหน ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือแออัดหรือไม่ ซึ่งการจัดวางกรงที่ดีจะต้องไม่วางกรงซ้อน ๆ กันเป็นคอนโด และกรงจะต้องเป็นแบบโปร่ง เช่น กรงเหล็บชุบพลาสติกพีวีซี กรงสแตนเลส ที่สามารถเห็นมองเห็นความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับน้องหมาได้อย่างชัดเจน ส่วนพื้นในกรงควรเป็นแบบแผ่นสแลทเรียบ ไม่ควรเป็นซี่ลวดเพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบ หรือแผลกดทับที่เกิดจากการยืน นอนนาน ๆ บนซี่ลวด

มีบริการเสริมให้เจ้าของอุ่นใจ
แน่นอนว่า ผู้เลี้ยงที่นำน้องหมาไปเข้ารับบริการรับฝากเลี้ยงสุนัขที่ต้องอยู่ห่างจากน้องหมาแสนรักเป็นเวลาหลายวัน ก็คงต้องคิดถึง เป็นห่วงและกังวลกันว่า ที่รับฝากเลี้ยงสุนัขจะดูแลน้องหมาไม่ดี ไม่ปลอดภัย ที่รับฝากเลี้ยงสุนัขและโรงแรมสุนัขบางแห่งในปัจจุบันจึงมีบริการเสริมที่ทำให้เจ้าของคลายความกังวลและช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เจ้าของว่า น้องหมาของตัวเองมีความสุขอยู่อย่างสบายในที่รับฝากเลี้ยง เช่น บริการโทรศัพท์รายงานความเคลื่อนไหว บอกเล่ากิจวัตรประจำวันของน้องหมาให้กับเจ้าของได้ทราบ และหากเจ้าของใช้สมาร์ทโฟนก็สามารถคุยแบบเห็นหน้าผ่าน FaceTime ที่ช่วยให้เจ้าของสามารถเห็นน้องหมาแบบสด ๆ สามารถพูดคุยกับน้องหมาให้หายคิดถึงได้

 

กระต่าย ถือเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่มักนิยมเลี้ยง

นอกจากสุนัขและแมวแล้ว กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับต้นๆที่คนสนใจ สังเกตได้ว่ากลุ่มของคนเลี้ยงกระต่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน และรู้สึกดีที่เห็นคนหันมาเลี้ยงกระต่ายมากขึ้น ความจริงแล้วธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้อายุไม่ยืนนัก อายุขัยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี กระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงยาก เลี้ยงได้เหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป เพียงแต่ต้องทราบว่าเขาต้องการอาหารและสิ่งแวดล้อมแบบไหนที่เหมาะสม เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อง ไร้เดียงสาและน่ารัก ส่วนใหญ่มีชีวิตที่น่าเศร้าเพราะอยู่ในป่ามักเป็นผู้ถูกล่า หรือไม่ก็เป็นสัตว์ทดลองในห้องแล็ป

การเลี้ยงกระต่ายควรต้องระวังโรคด้วย เพราะจะมีโรคทั้งที่คนติดจากสัตว์และโรคที่สัตว์เป็นแล้วไม่ติดคน สำหรับโรคที่พบในกระต่ายส่วนใหญ่จะมีโรคท้องเสียจากเชื้อบิด ซึ่งจะทำให้หูแดงคันหรือบิดเบี้ยว โรคติดเชื้อราบริเวณฟันของกระต่าย ฯลฯ สำหรับคนก็สามารถเป็นภูมิแพ้ เช่นแพ้ขนกระต่าย เป็นต้น กรณีที่เลี้ยงกระต่ายร่วมกับสุนัขและแมวควรนำมาฉีดวีคซีนป้องกันพิษสุนขบ้าด้วย ซึ่งการฉีดวัคซีนสามารถทำได้เมื่อกระต่ายอายุ 4 เดือนขึ้นไป หากในบ้านมีเด็กและใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ

กระต่ายเป็นสัตว์กินพืชที่สามารถย่อยอาหารกลุ่มเยื่อใยได้ จึงสามารถกินย่อยหญ้าได้ โดยทั่วไป 80% ของอาหารกระต่ายควรเป็นหญ้าแห้งที่ใส่ไว้ให้กระต่ายกินได้ตลอดเวลา ส่วนอีก 20% ให้แบ่งเป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูปและผักสด ซึ่งควรให้ในเวลาช่วงเช้าและช่วงเย็น หากมีอาหารเม็ดเหลือให้นำออก ส่วนผลไม้ไม่มีความจำเป็นมากนัก อาจจะให้เพียงชิ้นเล็กๆและไม่ควรเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เหตุผลที่ควรให้กระต่ายกินหญ้าเป็นอาหารหลักเพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่ฟันยาวออกมาได้ตลอดชีวิต การให้หญ้าจะทำให้ฟันกระต่ายบดและสบกันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่มีปัญหาฟันยาว รากฟันยาวอักเสบจนเกิดเป็นฝีตามมา อีกทั้งยังช่วยให้แบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี ไม่เกิดภาวะท้องอืดได้

การสังเกตสุขภาพของกระต่าย

1. ทุกๆวันควรสังเกตที่ขี้ของกระต่ายแต่ละตัว ถ้าตัวไหนขี้เหลวไม่เป็นก้อน แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นในร่างกายกระต่ายแล้ว
2. ดูจากลักษณะภายนอกของกระต่าย เช่น ขนร่วง ผิวหนังหยาบกร้านตกสะเก็ด ดวงตาแฉะมีขี้ตามาก ผอม
3. ดูจากอาการที่กระต่ายแสดงออก เช่น ไอจาม ไม่ร่าเริง ไม่กินอาหาร เดินไม่สะดวก เป็นต้น