Category Archives: อินเตอร์เน็ต

สัตว์เลี้ยงแสนแปลกแต่สามารถเลี้ยงได้

เฟนเน็คฟ็อกซ์

– เฟนเน็คฟ็อกซ์

เป็นจิ้งจอกที่เล็กที่สุดในโลกแห่งทะเลทรายซาฮารา กินอาหารทั้งพืชและสัตว์ ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้ง ขนที่อุ้งเท้ามีความหนาเป็นพิเศษเพื่อให้พวกมันสามารถเดินบนทรายที่ร้อนระอุได้ ขนสีน้ำตาลอมส้มช่วยให้สามารถอำพรางตัวได้ดีในทะเลทราย วิธีการเลี้ยงสำหรับคนที่ไม่เคยเลี้ยงเฟนเน็คฟ็อกซ์มาก่อน ขั้นตอนง่ายๆ เหมือนกับการเลี้ยงสุนัขทั่วไป มีอุปกรณ์พื้นฐานได้แก่ กรงเลี้ยง ถ้วยอาหาร กระบอกขวดน้ำ และอาหารเม็ด อาจเสริมด้วยเนื้อไก่ต้ม เฟนเน็คฟ็อกซ์เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายแต่ต้องอยู่ในความดูแลเพราะเป็นสุนัขจิ้งจอกพันธุ์เล็ก มีกระดูกอ่อน ดั้งนั้นจึงเล่นขย้ำเหมือนสุนัขทั่วไปไม่ได้เพราะอาจจะทำให้เกิดกระดูกหักได้ ข้อควรระวังสำหรับเฟนเน็คฟ็อกซ์ คือเรื่องกระดูกที่หักเปราะง่ายและอาการท้องเสียเนื่องจากอาหารที่ผู้เลี้ยงให้ ทั้งต้องระวังเรื่องของเชื้อโรค หากยังให้วัคซีนไม่ครบซึ่งในระยะนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะว่าเฟนเน็คฟ็อกซ์สามารถติดโรคที่อยู่ในเมืองได้ง่าย

มาโมเสท

– มาโมเสท

เป็นลิงในกลุ่มลิงโลกใหม่ มีถิ่นอาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ มีหางยาว หากินกลางวัน กินผลไม้ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และเป็นลิงขนาดเล็กที่สุดในโลก ลิงมาโมเส็จเป็นลิงที่น้ำหนักประมาณ5-7ขีด ที่คนนิยมเลี้ยงมันเพราะว่ามัน “ฉลาด” เอามากๆ เหมือนเลี้ยงเด็กเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงต้องการความรัก ความเอาใจใส่ เพราะมันก็คงจะคิดว่าเราเป็นครอบครัวของมันด้วย ซึ่งราคาค่าตัวของมันก็ไม่ใช่ถูกๆ เสียด้วย ซึ่งตัวผู้ 30,000 บาท และ ตัวเมีย 35,000 บาท

ชูก้าไกลเดอร์

– ชูก้าไกลเดอร์

ถือเป็นสัตว์เอเลี่ยนที่ได้รับความนิยมสูงสุด ถามกี่ร้านต่อกี่ร้านก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันหมดเลย เหตุที่มันเป็นที่นิยมก็คงเป็นเพราะราคามันถูกที่สุด และก็น่ารักไม่แพ้ตัวอื่นๆ เลย Sugar glider หรือ กระรอกบินออสเตรเลีย หรือที่เรียกกันว่า จิงโจ้บิน คือสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องสำหรับเลี้ยงดูลูกอ่อน อยู่ในกลุ่มเดียวกับ หมีโคอะล่า และจิงโจ้ ชูการ์ ไกลเดอร์ มีถิ่นกำเนิดในเกาะแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย และปาปัวนิวกินี ประเทศอินโดนีเซีย พวกมันเป็นสัตว์หากินกลางคืน กลางวันจะชอบนอน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนต้นไม้ เป็นสัตว์สังคมที่อยู่กันเป็นฝูง ประมาณ 6-10 ตัว ราคาค่าตัวพวกมันส่วนใหญ่ราคาจะไม่เกิน 1,000 บาท

ชูก้าไกลเดอร์เผือก

– ชูก้าไกลเดอร์เผือก

เหตุที่มีคนสนใจน้อยเพราะราคามัน “สูง” กว่าชูก้าธรรมดาหลายเท่าตัว ซึ่งราคาปกติจะขายกันที่ 25,000 บาท แต่ด้วยความน่ารักของมันแล้วจึงทำให้เริ่มมีผู้นิยมเลี้ยงกันมากขึ้น

โอพอสซัม

– โอพอสซัม

รือที่คนทั่วไปเรียกว่า “พอสซัม” เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมคล้ายหนู หน้าตากวนๆนิดๆ มีถุงหน้าท้องเหมือนจิงโจ้ โอพอสซัมเป็นหนึ่งในสัตว์ทดลองทางการแพทย์ที่มักใช้ศึกษาหาสาเหตุการเกิดโรคในคน เช่น โรคมะเร็ง ความผิดปกติของระบบประสาท ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์สามารถถอดรหัสดีเอ็นเอของโอพอสซัมได้ทั้งหมด ถือเป็นครั้งแรกของการถอดรหัสพันธุกรรมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดที่มีกระเป๋าหน้าท้องเช่นเดียวกับจิงโจ้และโคอาล่าได้ และมันก็เข้ามาฮิตในเมืองไทยสักพักแล้ว ด้วยรูปร่างหน้าตาที่น่ารักของมัน ประกอบกับขนสวยนุ่มนิ่ม ราคาค่างวด 7,500 บาท จุดเด่นของเค้าหากเจอภัยคุกคามแล้ว เค้าจะทำแกล้งตาย ผู้เลี้ยงควรเช็คดูดีๆนะครับว่าอันไหนแกล้งอันไหนจริง

ข้อดีของการมีสัตว์ไว้เลี้ยง

หมา

 

 

 

 

การได้เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสักตัวจะช่วยให้คนที่ได้เลี้ยงรู้สึกมีค่า มีความหมายโดยเฉพาะกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งเมื่อมีปัญหาส่วนตัวจากภายนอกมากระทบก็จะช่วยผ่อนความเครียดให้เรื่องร้อนๆ จากภายนอกค่อยๆ เบาลงเมื่อเปรียบกับการมีจิตใจเมตตากรุณาต่อสัตว์เลี้ยงของตัวเอง

คนที่เลี้ยงสัตว์ก็มีหลายเหตุผล บ้างก็เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน บ้างก็เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน บ้างก็เลี้ยงไว้ประดับบารมี บ้างก็เลี้ยงไว้เอาบุญ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คำนึงถึ งประโยชน์หรือข้อดีของสัตว์เลี้ยงเท่าไหร่นัก แต่ความจริงสัตว์เลี้ยงมีประโยชน์มากมายที่เราไม่เคยคิดมาก่อน

– ผลต่อความปลอดภัย

การเลี้ยงสุนัขนอกจากจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว สุนัขก็ยังทำหน้าที่อารักขาเจ้าของอีกด้วย ทำให้คนเลี้ยงรู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่ง

– ผลต่อการออกกำลังกาย

การเลี้ยงสัตว์จำเป็นต้องมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น เช่น การจัดเตรียมอาหารให้สัตว์เลี้ยง การพาสัตว์เลี้ยงไปขับถ่าย ออกกำลัง กายเล่นกับสัตว์เลี้ยง กิจกรรมเหล่านี้เองช่วยให้คนเลี้ยงได้ออกกำลังกายในทางอ้อม ทำให้ผู้สูงอายุได้ขยับเขยื้อนร่างกายบ้างไม่ต้องนั่งจับจ้องอยู่เพียงอย่างเดียว

– ผลต่อการสูญเสียคนรู้จัก

ผู้สูงอายุนั้นมักจะต้องพบเจอกับเรื่องการจากไปของคนรู้จัก ตั้งแต่คู่สมรส ญาติผู้ใหญ่ ตลอดจนเพื่อนร่วมรุ่น ซึ่งสัตว์เลี้ยงคู่กายก็ยังอยู่เป็นเพื่อนช่วยบรรเทาความรู้สึกเศร้าใจจากการสูญเสียสิ่งอันเป็นที่รักได้บ้างไม่มากก็น้อย

– ผลต่อจิตใจโอบอ้อมอารี

สัตว์เลี้ยงนั้นก่อให้เกิดความรักแท้ที่ไม่มีเงื่อนไขแก่คนเลี้ยง ทำให้คนเลี้ยงได้รับรักแท้จากสัตว์เลี้ยงเป็นประจำทุกวัน

– ผลต่อการพบแพทย์

พบว่าผู้สูงอายุที่เลี้ยงน้องหมา น้องแมว จะมีสุขภาพดีขึ้น ซึ่งดูได้จากการไปพบแพทย์ลดลง และกินยาลดลงอีกด้วย

การเลี้ยงกุ้งก้ามแดงหรือกุ้งเครฟิช

กุ้ง

กุ้งก้ามแดง หรือกุ้งเครฟิช มีถิ่นกำเนิดที่ ออสเตรเลีย ขนาดโตเต็มที่ 12 นิ้วอายุเฉลี่ย 4ปี ในธรรมชาติ ถ้าเลี้ยงใส่ตู้กระจก อยู่ได้ 2-3 ปี อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเลี้ยง 25-28 องศา ถือว่า อากาศและอุณหูภูมิในบ้านเรา กำลังดี

กุ้งก้ามแดงเป็นกุ้งชนิดแรกที่ถูกนำเข้ามาในประเทศไทย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงทดลองเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร เพราะเป้นกุ้งที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างเร็วและมีขนาดใหญ่ ลักษณะเด่นคือ มีขนาดใหญ่และสีของกุ้งมีการเปลี่ยนแปลงตลอด แต่สีที่พบมากที่สุดคือ สีเขียว สีน้ำตาล และสีน้ำเงิน ซึ่งคนไทยจะเรียกว่า บลู ล็อปเตอร์ บางที่ก็เลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามแล้วนำจำหน่ายได้ในราคาสูง

การเริ่มต้นการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง แบบเลี้ยงเพื่อเศรษฐกิจ จะต้องทำอย่างไรบ้าง

  1. การเตรียมน้ำ ต้องเตรียมน้ำ ยกตัวอย่างเลี้ยงในตู้ 24 นิ้ว ใส่น้ำประมาณ 50 ลิตร เติมเกลือแกงไปประมาณ 2-4 ช้อนโต๊ะ เปิด ออกซเจนทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง ไม่ต้องใส่น้ำยาลดคลอรีน ก่อนนำกุ้งลงตู้ให้เอาถุงใส่กุ้งลอยน้ำทิ้งไว้ 15 นาที เพื่อปรับอุณหภูมิให้กับกุ้ง

** กรณีเลี้ยงบ่อดิน บ่อผ้าใบพลาสติก ใส่น้ำความสูง 30-40 เซนติเมตร เติมเกลือ อัตราน้ำ 1000 ลิตร ต่อ 1 กิโลกรัม ปั๊มออกซิเจน หรือใบพัดปั่นน้ำ ในบ่อทิ้งไว้ 5-6 ชั่วโมง ค่อยนำกุ้งลง แล้วแต่ ขนาดของบ่อ **

2.ปรับอุณหภูมิการเลี้ยงไว้ที่ 20-30 องศาเซลเซียส

3.สังเกตการลอกราบของกุ้ง ซึ่งช่วงเวลานี้กุ้งจะบอบบางและอ่อนแอมาก จะสังเกตอย่างไร แบ่งออกเป็นข้อๆได้ตามนี้ครับ

– ปริมาณการกินอาหารน้อยลง

– รอยต่อของลำตัวจะเปิด

– จับดูที่เปลือกหัวจะนุ่มนิ่มแสดงว่าใกล้ลอกคราบ

– แต่ถ้าห้วเปิดแล้วตัวยังแข็งอยู่แสดงว่ายังไม่ลอกคราบ อาจจะเกิดจากการที่กุ้งกินอาหารมากเกินไป ทำให้เปลือกบริเวฯรอยต่อยกขึ้นเหมือนลอกคราบ

  1. การถ่ายน้ำในกรณีเลี้ยงตู้ควรถ่ายทุกๆ 7-10 วัน ** ส่วนบ่อดิน บ่อผ้าใบพลาสติก สูบน้ำเก่าออกเติมน้ำใหม่เข้า ทุก 2 สัปดาห์ ** ไม่ควรเปลี่ยนน้ำทิ้งทั้งหมด จะทำให้กุ้ง น็อคน้ำได้

5.อาหาร สำหรับกุ้งชนิดนี้กินได้ทั้งพืชและสัตว์และอาหารเม็ด ยกตัวอย่างอาหารของกุ้งก้ามใหญ่ เช่น สาหร่ายหางกระรอก แครอท และพืชน้ำอื่นๆ ประเภทเนื้อสัตว์จะเป็นพวก กุ้งฝอยต้ม เนื้อปลาตัวเล็กๆ *หนอนแดง กรณีเลี้ยงในตู้หรือ บ่อพลาสติก*

6.การเพาะพันธุ์ กุ้งก้ามใหญ่ จะเริ่มผสมพันธุ์ที่ขนาดประมาณ 3 นิ้วขึ้นไป ( ขึ้นอยู่กับความสมบูรณื และสายพันธุ์ ) หลังจากผสมแล้ว ตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมาใต้หาง และใช้เวลา 30 วันลูกจะเป็นตัวแล้วจะลงดิน อัตตราการผสม ตัวผู้ 1 ตัว ต่อ ตัว เมีย 3 ตัว

“เฟนเน็คฟ็อกซ์” สัตว์เลี้ยงสุดแปลกแต่น่ารัก

สัตว์เลี้ยงสุดแปลกแต่น่ารัก

เฟนเน็คฟ็อกซ์ หรือจิ้งจอกตัวน้อยแห่งทะเลทรายซาฮาร่านั้น สำหรับวิธีการเลี้ยงนั้นคนที่ไม่เคยเลี้ยงเฟนเน็คฟ็อกซ์มาก่อน อาจจะคิดว่าขั้นตอนการเลี้ยงนั้นจะเหมือนการเลี้ยงสุนัขทั่วไปหรือป่าว เรามาดูกันว่าการเลี้ยงเฟนเน็คฟ็อกซ์นั้นมีวิธีการเลี้ยงอย่างไรบ้าง อุปกรณ์พื้นฐานนั้นได้แก่ กรงเลี้ยง กระบอกขวดน้ำ ถ้วยอาหาร และอาหารเม็ด หรืออาจจะเสริมด้วยเนื้อไก่ต้ม เฟนเน็คฟ็อกซ์เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายแต่ต้องอยู่ในความดูแลเพราะเป็นสุนัขจิ้งจอกพันธุ์เล็ก มีกระดูกอ่อน ดั้งนั้นจึงเล่นขย้ำเหมือนสุนัขทั่วไปไม่ได้เพราะอาจจะทำให้เกิดกระดูกหักได้

ลักษณะพิเศษของหูจิ้งจอกทะเลทรายซาฮาร่า ถ้าเป็นเสียงสื่อสารของพวกเขาที่ใช้สื่อสารกันเอง สามารถได้ยินเกือบ 4 – 5 กิโลเมตร เขาจะมีเสียงความถี่ของเขาซึ่งบางทีคนเราไม่ได้ยิน แต่ถ้าเทียบกับเสียงแมลงเดินอยู่ห่างกันประมาณ 10-20 เมตรก็ได้ยินแล้ว เขาสามารถรู้ได้ว่าบริเวณนั้นมีแมลงอยู่กี่ตัว และจะไปหาอาหารได้ที่ไหน จุดเด่นของเฟนเน็คฟ็อกซ์อยู่ที่ความเล็กของขนาดตัวกับความพิเศษของหู เมื่อเติบโตเต็มที่ใบหูจะมีขนาดใหญ่ และสามารถใช้ใบหูระบายความร้อนตอนอยู่กลางทะเลทราย ฉะนั้นใบหูจะช่วยระบายความร้อนได้ดี และนอกจากนี้ยังช่วยในการจับเหยื่อ เพราะขนที่หูด้านในไวต่อการดักจับเสียง

เฟนเน็คฟ็อกซ์ จัดได้ว่าเป็นจิ้งจอกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยตัวเต็มวัยของเจ้าเฟนเน็คนั้น มีน้ำหนักเฉลี่ยเพียง 1.75 กิโลกรัมสำหรับตัวผู้ และ 1.25 กิโลกรัมสำหรับตัวเมีย ซึ่งจะเทียบน้ำหนักกันแล้ว ยังถือว่าเล็กกว่าสุนัขบ้านแทบทุกสายพันธุ์ที่ซื้อขายกันในท้องตลาด ที่เห็นจะมีใกล้เคียงก็น่าจะเป็นชิวาว่า ด้วยความที่เฟนเน็คเป็นนักล่าที่ตัวเล็ก การหาอาหารจึงจะล่าเพียงสัตว์ที่ขนาดไม่ใหญ่มากมาเป็นอาหาร เช่นพวกแมลง ไข่สัตว์ชนิดต่างๆ กระต่าย หนู นก และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ และนอกจากเนื้อสัตว์มันก็ยังกินผักผลไม้อีกด้วย เรียกได้ว่าพวกมันกินแทบจะทุกอย่างเท่าที่พวกมันจะหาได้ และแม้ว่ามันจะเป็นนักล่าที่น่ากลัวสำหรับสัตว์เล็กแล้ว พวกมันก็ตกเป็นผู้ถูกล่าสำหรับสัตว์บางจำพวกที่ตัวใหญ่กว่ามันเช่นกัน แต่การที่มันจะตกเป็นเหยื่อนั้นไม่ง่าย เนื่องจากใบหูที่มีขนาดใหญ่ของมัน มีความสามารถในการได้ยินอย่างดีเยี่ยม พวกมันสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าของนักล่าที่ย่ำผืนทรายตั้งแต่ระยะไกล ทำให้มันสามารถไหวตัวและหลบหนีได้ก่อนที่นักล่าจะเห็นตัวมันเสียอีก

สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของเหล่าวัยรุ่นที่สามารถเลี้ยงในหอพักได้

1. กระรอก

การเลี้ยงกระรอกเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากเลี้ยงสัตว์ตัวเล็กๆ ไว้ดูเล่น แต่แนะนำว่าให้เลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ เพื่อให้ติดเราและเชื่องที่สุด เมื่อโตแล้วจะได้ดูแลง่าย ปัญหาในการเลี้ยงคือไม่สามารถเลี้ยงแบบอิสระได้มากนัก อาจจะเอามาอุ้มเล่นได้ คลายเหงาไปบ้าง แต่ถ้าปล่อยเจ้ากระรอกน้อยออกมาอยู่ข้างนอกกรงทั้งวัน น้องๆ อาจจะต้องปวดหัวหนักกับเจ้าตัวเล็กนี้แน่ๆ

1

 

 

 

 

2. แมว แสนขี้อ้อน

แมวเป็นอีกหนึ่งสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักเหมาะสำหรับเลี้ยงในหอพัก เนื่องจากแมวเป็นสัตว์ที่ชอบการเอาอกเอาใจ ทั้งเกาคอให้ ลูบหัว ลูบขน ทำให้มีอารมณ์ผ่อนคลายทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงไปพร้อมๆ กัน แมวเป็นสัตว์ที่รักความสะอาดถ้าฝึกให้ขับถ่ายเป็นที่ห้องก็จะไม่เละเทะแน่นอน

2

 

 

 

 

3. หนูแฮมเตอร์

สัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ มีนิสัยชอบกิน นอน และเล่น สามารถเลี้ยงในพื้นที่เล็กๆ และจำกัดได้ ถ้าไม่ได้มีเวลาเล่นกับพวกมันมากนักก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ต้องดูแลเรื่องน้ำและอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของเจ้าหนูแฮมเตอร์ตัวน้อยด้วย

3

 

 

 

 

 

4. กระต่ายน้อยขนปุย

สัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ อย่างกระต่ายก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เนื่องจากกระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่ส่งเสียงดัง และไม่ต้องเอาใจมากเหมือนน้องหมา น้องแมว แถมยังใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อย กินก็น้อยไม่สิ้นเปลืองเงินมาก แต่ข้อเสียคือ หากน้องๆ ไม่ระวังปล่อยน้องกระต่ายออกมาวิ่งเล่นโดยไม่ได้ได้ดูแลตลอดเวลา ข้าวของอาจจะโดนแทะเสียหายได้ และกระต่ายเป็นสัตว์ที่ปัสสาวะกลิ่นฉุนมากต้องดูแลเรื่องความสะอาดให้ดี

4

 

 

 

 

5. ปลาสวยงามชนิดต่างๆ

ปลาที่ฮิตเลี้ยงกันแบบสวยงามมากที่สุด ได้แก่ ปลาทอง แต่ด้วยปลาชนิดนี้เลี้ยงยาก ต้องเอาใจใส่มันมากๆ สำหรับน้องๆ ที่อยู่หอแนะนำเลยว่าปลาสวยงามอย่างปลาหางนกยูงก็ดูจะเหมาะที่สุด ไม่ต้องยุ่งยากกับการเปลี่ยนน้ำ หรือต้องล้างตู้บ่อยๆ เรื่องพื้นที่ในการเลี้ยงก็ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใดแค่มีโหลขนาดพอดีๆ จัดต้นไม้น้ำใส่ลงไปเล็กน้อย และมีน้องปลาว่ายไปมาก็ดูสวยสบายตาขึ้นมาทันที

5

 

 

 

 

 

6. น้องหมา สายพันธุ์เล็ก

เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมของชาวหอ สำหรับการมีน้องๆ สุนัขสายพันธุ์เล็กเลี้ยงไปเป็นเพื่อนยามเหงา เพราะเป็นสัตว์เลี้ยงประเภทที่มีพฤติกรรมการแสดงท่าทีโต้ตอบสนองเราได้มากที่สุด และสายพันธุ์ที่ถูกนำมาเลี้ยงในหอมากที่สุดได้แก่ ชิวาวา , ปั๊ก , ปอมเมอเรเนียน เนื่องจากเป็นสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก แถมความน่ารักของมันก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดหลายคนมากๆ แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน อย่างเช่น บางตัวอาจจะส่งเสียงเห่าบ่อยๆ ทำลายข้าวของภายในห้องพัก ขับถ่ายไม่เป็นที่ หรือมีกลิ่นเหม็น